ในปัจจุบันหลายๆ ออฟฟิศมีพื้นที่ทำงานที่เป็นแบบเปิดโล่ง (Open Plan) ไว้ให้ทุกคนเข้ามาใช้หรือทำงานเสนอความคิดแบบกลุ่มกันได้อย่างเติมที่ แต่ในบางครั้งอาจรู้สึกได้ว่ามีเสียงรบกวนในการทำงานมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพื่อนร่วมงานตะโกนใส่โทรศัพท์ เสียงคนคุยกันใกล้ๆ เสียงแป้นพิมพ์ หรือเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ พอมาอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายจริงๆ ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่การโฟกัสกับงานจะถูกเบี่ยงเบน
มีผลสำรวจพนักงานออฟฟิศกว่า 5,000 คนจาก 10 ประเทศทั่วโลก พบว่าเกินครึ่งชอบออฟฟิศแบบเปิดโล่ง (Open Plan) โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาวยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าออฟฟิศเหล่านี้จะดูดีและสื่อสารทำงานร่วมกันกับเพื่อนร่วมงานได้สะดวก แต่ก็สร้างอุสรรคในการทำงานด้วยเช่นกัน เกือบจะ 100% ของพนักงานระบุว่า การทำงานในออฟฟิศแบบเปิดโล่ง (Open Plan) ทำให้เสียสมาธิได้ง่าย และมีเกือบ 1 ใน 3 ที่เสียเวลาทำงานมากกว่า 1 ชั่วโมงไปกับสิ่งอื่นๆรอบตัว ในขณะที่ 70% ระบุว่า สามารถทำงานได้ประสิทธิภาพดีกว่านี้ถ้าลดการเสียสมาธิลงได้
โดยเสียงแวดล้อมเหล่านี้เรียกว่า เสียงรบกวน ซึ่งเป็นเสียงที่ผู้ฟังไม่ต้องการได้ยิน เพราะจะทำให้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ และความรู้สึกถึงแม้จะไม่เกินเกณฑ์ที่เป็นเสียงอันตราย แต่ก็เป็นเสียงรบกวนต่อผู้ฟังได้ ซึ่งการใช้ความรู้สึกในการวัดเสียงทำได้ยาก ว่าเป็นเสียงรบกวนหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เสียงดนตรีที่ดังมากในสถานที่เต้นรำหรือคอนเสิร์ต ไม่ทำให้ผู้ที่เข้าไป
เที่ยวรู้สึกว่าถูกรบกวน แต่ในสถานที่ที่ต้องการความสงบ อย่างเช่น ห้องสมุด เสียงพูดคุยตามปกติที่มีความดังประมาณ 60 เดซิเบลเอ ก็ถือว่าเป็นเสียงรบกวน ทำให้เสียสมาธิ ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงได้
แล้วเสียงระดับไหน ถึงเรียกว่า ดัง ?
องค์การอนามัยโลก กำหนดไว้ว่า เสียงที่เป็นอันตราย หมายถึง เสียงที่ดังเกิน 85 เดซิเบล เอ (dBA) ที่ทุกความถี่ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเสียงแค่ไหน เสียงอะไร ที่เรียกว่า “ดังเกินไป” บ้าง
ตาราง แสดงระดับความเข้มเสียงจากแหล่งกำเนิดต่างๆ (ตัวหนังสือสีแดง คือ เสียงที่เป็นอันตราย ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด)
แหล่งกำเนิดเสียง | ระดับความเข้มเสียง (เดซิเบล,dB) | การรับฟัง |
การหายใจปกติ | 10 | แทบจะไม่ได้ยิน |
การกระซิบแผ่วเบา | 30 | เงียบมาก |
ห้องสมุดที่เงียบสงบ | 40 | เงียบ |
สำนักงานที่เงียบ | 50 | เงียบ |
การพูดคุยธรรมดา | 60 | ปานกลาง |
เครื่องดูดฝุ่น | 75 | ดัง |
โรงงาน, ถนนที่มีการจราจรหนาแน่น | 80 | ดัง |
เครื่องเสียงสเตอริโอในห้อง, เครื่องเจาะถนนแบบอัดลม | 90 | รับฟังบ่อบๆ การได้ยินจะเสื่อมอย่างถาวร |
เครื่องตัดหญ้า | 100 | - |
ดิสโก้เธด, การแสดงดนตรีประเภทร็อค | 120 | ไม่สบายหู |
ฟ้าผ่าระยะใกล้ๆ | 130 | - |
เครื่องไอพ่นกำลังขึ้นใกล้ๆ | 150 | เจ็บปวดในหู |
จรวดขนาดใหญ่กำลังขึ้นใกล้ๆ | 180 | แก้วหูชำรุดทันที |
(ที่มา: คลังความรู้สู่ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ฯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). 2554.)
ดังนั้นหากต้องทำงานที่ต้องการใช้สมาธิ ลองปลีกตัวออกมาหามุมสงบ เพื่อหลบหลีกจากผู้คนจำนวนมาก หรือหลีกเลี่ยงเสียงแวดล้อม บรรยากาศรอบข้างที่วุ่นวายเกินกว่าจะโฟกัสกับงาน PODKET สามารถช่วยคุณได้
PODKET คืออะไร?
PODKET ตู้หรือห้องทำงานที่สามารถลดเสียงรบกวนจากเสียงแวดล้อมหรือบรรยากาศรอบข้างได้ เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่ถูกออกแบบรูปแบบ น็อคดาวน์ (Knock down furniture) หรือเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถถอดประกอบและติดตั้งใหม่ได้ภายใน 4-6 ชั่วโมง โดยวัสดุทำจากอลูมิเนียมและกระจกนิรภัยคุณภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกับกิจกรรมภายนอกได้
PODKET ช่วยลดระดับเสียงได้แค่ไหน ?
PODKET สามารถลดเสียงรบกวนจากเสียงแวดล้อมหรือบรรยากาศรอบข้างได้แค่ไหน มาชม VDO การทดสอบความดังของเสียงกัน
จากการทดสอบจะเห็นได้ว่า
-เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ภายนอกตู้ PODKET
ลองทำการทดสอบวัดเสียงอยู่ภายนอกตู้ วัดระดับเสียงได้ประมาณ 65.5 dB อยู่ในระดับเกณฑ์การพูดคัยธรรมดา และเมื่อลองทำการทดสอบวัดเสียงอยู่ภายในตู้ วัดระดับเสียงได้ประมาณ 48.4 dB อยู่ในระดับเกณฑ์ห้องสมุดที่เงียบสงบ
-เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ภายในตู้ PODKET
ลองทำการทดสอบวัดเสียงอยู่ภายในตู้ วัดระดับเสียงได้ประมาณ 80.5 dB อยู่ในระดับเกณฑ์ถนนที่มีการจราจรหนาแน่น และเมื่อลองทำการทดสอบวัดเสียงอยู่ภายในตู้ วัดระดับเสียงได้ประมาณ 59.5 dB อยู่ในระดับเกณฑ์การพูดคัยธรรมดา
ดังนั้น PODKET จึงสามารถช่วยลดระดับเสียงได้ในระดับหนึ่งและช่วยทำให้คุณมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานได้
ถ้าหากต้องการทดสอบด้วยตัวของคุณเองสามารถนัดเพื่อเยี่ยมชมสินค้าจริงได้ที่ โชว์รูม Podket อาคารโคเมท ออฟฟิศ หรือ Add LINE @podket เพื่อนัดเข้าชม
Comments